รีวิวทดลองใช้ “iPhone XS Max” ในระยะเวลา 1 วัน กับสุดยอดมือถือของ Apple ที่แพงที่สุดและดีที่สุด
มาแล้วครับกับการรีวิวมือถือใหม่จาก Sanook! Hitech ครั้งนี้เราได้นำมือถือที่หลายคนรอคอยและพูดถึงกันมากมายอย่าง iPhone XS และ iPhone XS Maxมารีวิวแบบทันด่วน กับการทดลองใช้ทุกฟีเจอร์ในเวลา 1 วัน เอาล่ะมันจะเจออะไรที่น่าตื่นเต้นมาดูกันดีกว่า
>> จัดหนัก! เปิดราคาเครื่องหิ้วในไทย iPhone XS และ iPhone XS Max เริ่มต้น 59,500 สูงสุด 78,500 บาท
รายละเอียดสเปกของคร่าวๆ ของ iPhone Xs Max
- หน้าจอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้วความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ OLED รองรับ 3D Touch
- ขนาด : ยาว 157.5 x กว้าง 77.4 x หนา 7.9 มิลลิเมตร
- หนัก : 208 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Apple A12 Bionic
- RAM : 4GB
- ความจุ(ROM) : 64 / 256 / 512GB
- กล้องหลัง : เลนส์คู่ 12 ล้านพิกเซล F1.8 + 12 ล้านพิกเซล Tele Photo F2.4 พร้อมกับ Smart HDR, Quad LED Flash, Auto Focus
- กล้องหน้า : 7 ล้านพิกเซล
- ตัวเชื่อมต่อเสียง Lightning Port
- ซิมแบบนาโน + e SIM
- ระบบความปลอดภัย Face ID ใช้สแกนหน้าเพียงอย่างเดียว
- เชื่อมต่อ 4G LTE LTE ระดับ Gigabit, WiFi 802.11 AC, Bluetooth V5.0
- แบตเตอรี่ขนาด ไม่ระบุความจุ รองรับ Quick Charge และ Wireless Charge
- สีตัวเครื่อง ทอง, เงิน, Space Gray
เปิดกล่อง iPhone XS Max ว่ามีอะไรบ้าง
- ตัวเครื่อง iPhone XS Max
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิม
- คู่มือ / สติ๊กเกอร์ Apple
- ปลั๊กชาร์จไฟ
- Lightning Port
- Earpod แบบช่องเสียบ Lightning Port
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่องและการออกแบบดีไซน์ของ iPhone XS Max
ด้านหน้ามีขนาดหน้าจอที่ใหญ่โตถึง 6.5 นิ้วความละเอียด 1242 x 2688 พิกเซล ให้ความคมชัดสูงเมื่อสัมผัสเพราะเป็นแบบ OLED เช่นเคย แต่ความพิเศษคือสีสันของจอตรงและรองรับ HDR10 และ Dolby Vision ด้วยเช่นเคย
ส่วนบน มาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง, Depth Sensor, กล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล และรอยบากที่บอกสถานะและการแจ้งเตือนต่างๆ ไว้อย่างครบครัน
ส่วนล่าง เป็นที่อยู่ของเมนูต่างๆ และจะกลับหน้าหลักให้ผลักขึ้น หรือจะสไลด์ซ้ายขวาเพื่อเปลี่ยน Apps ที่เปิดก่อนหน้านี้
ด้านข้างยังคงใช้สแตนเลสเหมือนเดิม โดยมีจุดเด่นคือ สีสันสวยงามและ Apple เคยบอกว่ามันทนขึ้น แต่เอาเข้าจริงก็อดห่วงที่มันจะเป็นรอยได้ง่าย ฝั่งซ้ายมีปุ่มเปิดปิดเสียง พร้อมกับปุ่มปรับระดับเสียง
ฝั่งขวามีปุ่ม Power ที่กดค้างสามารถใช้เปิด Siri ได้ นอกจากนี้ช่องใส่ซิมเป็นแบบ Nano SIM ที่สำหรับบางประเทศเช่นจีนและฮ่องกงที่จะได้รุ่น Dual SIM สามารถใส่ซิมทั้งด้านบนหรือล่างก็ได้เช่นเดียวกัน
ด้านบนของเครื่องจะมีเส้นเสาอากาศฝั่งเดียวและแสดงสีสแตนเลสที่สวยงาม
ด้านล่างของเครื่องมีไมโครโฟน, Lightning Port, ลำโพงตัวเครื่องมาให้ครบครัน
ด้านหลังเป็นกระจกที่มีผิวสัมผัสที่ดีและเนียนกับมืออย่างมาก มาพร้อมกับ กล้องหลังด้านบนขนาด 12 + 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash สีดวงและรองรับ Wireless Charge ด้วย ในภาพรวมแล้ว หน้าจอใหญ่อาจจะทำให้ทัชจุดสูงไม่ถนัดบ้างแต่ตัวเครื่องแคบกว่า iPhone 8 Plus ทำให้ยังจับได้ง่ายอยู่
เปิดเครื่องใช้งาน iPhone XS Max พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ
iPhone XS Max ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS 12 ที่มีจุดเด่นมากมาย แต่เน้นเรื่องของการใช้งานเป็นหลักเพราะความลื่นไหลและต่อเนื่องพบได้ค่อนข้างมาก
รวมถึงฟีเจอร์จาก iOS12 ที่มีมากมายและล้วนแต่ออกแบบเพื่อความสะดวกและห่วงใยคุณไม่ว่าจะเป็น
- Screen Time จับเวลาการใช้งานมือถือว่าคุณใช้งานมือถือมากเกินไปหรือไม่
- Do Not Disturb In Car จับการเคลื่อนไหวของเราและสามารถหยุดไม่ให้คุณใช้มือถือได้
- ระบบการบอกแบตเตอรี่ที่เรียกได้ว่าละเอียดยิบ
- Memoji สร้างได้ง่ายและสามารถใช้งานได้ง่ายแต่สำหรับการถ่ายภาพแปลงหน้าคุณอาจจะดูซับซ้อนเพราะต้องทำใน Message เท่านั้น และสามารถแสดงผล Animoji ได้ด้วย
- Measure สามารถวัดพื้นที่และใช้ AR ทำงานร่วมกับกล้องได้ คาดว่านักพัฒนาจะทำโปรแกรมออกมามากขึ้น
- ปิดท้ายด้วย Gallery สามารถปรับได้มากมายโดยเฉพาะ Portrait Mode ที่เพิ่มการละลายหลังได้ด้วย นอกเหนือจากแสงได้
- ความสามารถที่เหลือของ iOS12 อ่านต่อได้ที่นี่
ในเรื่องประสิทธิภาพของ iPhone XS Max ได้เลือกใช้ Apple A12 Bionic มีจุดเด่นในเรื่องของการทำงานหลายด้านเพราะเป็นครั้งแรกของ Apple ที่เลือกใช้ CPU สถาปัตยกรรมแบบ 7 นาโนเมตร คะแนนทดสอบทำได้สูง การเล่นเกมราบรื่นไม่ติดขัด แต่เสียดายเรื่องของการระบายความร้อนที่ยังไม่ดีเท่าไหร่ ร้อนเมื่อใช้งานหนักไปหน่อย
ส่วนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าเดิม เซอร์ไพรส์คือ ทำใช้งานได้นานพอสมควร โดยรูปแบบทั้งนำทาง, เล่นเกม ถ่ายภาพและกล้อง แต่เสียดายที่ระบบชาร์จไฟยังใช้แบบเดียวกับ iPhone X
ประสิทธิภาพกล้องของ iPhone XS Max เป็นอย่างไร
กล้องหลังของ iPhone XS ให้มาขนาด 12 ล้านพิกเซล แบ่งออกเป็นเลนส์ระยะปกติที่มีรูรับแสง F1.8 และ Tele Photo รูรับแสง F2.4 พร้อมกับระบบกันภาพสั่นไหวและ LED Flash 4 ดวง แม้ว่าสเปคกล้องจะเป็นแบบเดิม แต่มีการปรับปรุง Software ใหม่ให้สีภาพให้สดใสขึ้นและรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60 FPS และรองรับการถ่าย Slowmotion ได้
ส่วนกล้องหน้าของ iPhone Xs ยังคงใช้กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล เท่าเดิม และมีการปรับแสงได้ตามที่เราต้องการได้เช่นเคย
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก iPhone XS Max
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง iPhone XS Max
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง iPhone XS Max
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง iPhone XS Max
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง iPhone XS Max
